green and brown plant on water

ปัญญาวิปัสสนาญาณ

เวลาอ่าน : 2 นาที

เสียงธรรมจากห้อง  “เมตตาภิรมย์กรรมฐาน” 

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566

เรื่อง ปัญญาวิปัสสนาญาณ

โดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค

กำหนดสติ กำหนดรู้ ผ่อนคลายร่างกาย ปล่อยวางกาย ปล่อยวางขันธ์ห้า ปล่อยวางความคิดความกังวลทั้งหลายออกไปจากใจ จดจ่ออยู่กับลมหายใจสบาย จินตภาพใช้สติติดตาม กำหนดลมหายใจเป็นเหมือนกับประกายพรึกพลิ้วผ่านเข้าออกภายในกายของเรา ลมหายใจเบาละเอียด  สงบ  ว่าง  วาง  เบา  อยู่กับลมหายใจเบาสบาย อยู่กับอารมณ์จิตที่เบาสบาย จิตสงบระงับ เข้าสู่สภาวะแห่งความสงบร่มเย็นผ่องใส 

เมื่อจิตยิ่งจดจ่ออยู่กับความสงบ อยู่กับอารมณ์จิตที่เบาสบาย จิตสงบระงับจากกิเลสและนิวรณ์ห้าประการ ยิ่งความสงบเกิดขึ้น จิตยิ่งห่างจากกิเลสทั้งหลาย จิตยิ่งเห็นคุณค่าแห่งความสงบ สภาวะที่จิตได้พักจากความฟุ้งวุ่นวาย พักจากการปรุงแต่ง ความสุขเสมอด้วยความสงบนั้นไม่มี

นิ่งหยุดอยู่กับความสงบของใจ จิตเป็นอุเบกขารมณ์ วางเฉยต่อทุกสิ่ง จิตรวมตั้งมั่นเป็นเอกัคคตารมณ์ จดจ่ออยู่กับเพียงลมหายใจ ยิ่งลมหายใจดับ สงบไป ใจเรายิ่งเข้าถึงความสงบของฌานสมาธิ 

เมื่อความสงบปรากฏขึ้นกับจิต ก็เป็นวาระที่จิตนี้สมควรแก่การในการใช้กำลังของสมาธิในการพิจารณาธรรม ที่เรียกว่าการเจริญวิปัสสนา ความสงบของสมาธิที่บังเกิดขึ้น ยังความสงบ ระงับกิเลสนิวรณ์จากกำลังของฌาน แต่กิเลสและนิวรณ์ห้าจะดับตัดไปจากใจของเราได้ด้วยปัญญาวิปัสสนาญาณ คือปัญญาที่พิจารณา ละ เห็นโทษ รวมถึงเห็นประโยชน์แห่งการที่เราละกิเลสได้ 

ทำไมเราจึงจำเป็นที่จะต้องตัดกิเลส เพราะกิเลส ตัณหา อุปทาน ล้วนแล้วแต่ปรุงใจของเราให้ไหลหลงไปในวัฏสงสาร ความโลภปรากฏขึ้น ยังให้เราละเมิดผิดศีล ความโกรธปรากฏขึ้น ยังให้จิตของเราเกิดความเร่าร้อน เกิดความอาฆาตเกิดความพยาบาท เกิดความจองเวร ยามเมื่อเราจองเวรก็ทำให้จิตของเรานั้น ก่อเกิดภพชาติตามไปจองล้างจองผลาญบุคคลหรือดวงจิตที่เราจองเวรจองกรรมนั้น เมื่อเราตัดความพยาบาทได้ ชาติภพที่ทำให้เราต้องไปตามเกิดตามอาฆาตแค้นตามกระทำเอาคืนก็ขาดก็ดับสิ้นไป ชาติภพก็สิ้นลงดับลงด้วยเหตุแห่งการดับความพยาบาทนั้น หรือความรักความปรารถนาความใคร่ในความรักระหว่างเพศ ยิ่งรักกันผูกพัน ความรักความผูกพันนั้นก็ทำให้เกิดตัณหา ความปรารถนามั่นหมายที่ทำให้อยากไปเกิดไปพบไปเจอไปเป็นคู่กัน ชาติภพก็ปรากฏขึ้นด้วยความรักความใคร่ความปรารถนานั้นๆ และเมื่อไรก็ตามที่มีการเกิด เมื่อเกิดขึ้นก็ย่อมพบเจอกับสิ่งที่ดำเนินไปในชีวิตตามกระแสตามวิบากของกรรมในแต่ละบุคคล ทั้งกุศลและอกุศล คนเหล่านั้นเมื่อเกิดขึ้นจุติมาสู่โลกมนุษย์นี้ก็ล้วนแล้วแต่มีทั้งสุขและทุกข์ แต่เพียงแต่การที่เรามีรูปกายขันธ์ห้า คือร่างกายนี้ปรากฏ ความทุกข์อันเกิดขึ้นจากการมีร่างกายก็ปรากฏ ความทุกข์จากความเจ็บไข้ไม่สบายก็เกิดขึ้นจากการมีขันธ์ห้า  ความทุกข์จากความหิวความกระหาย ความปวดความเมื่อย ความแก่ความชรา หรือแม้แต่ความพลัดพรากจากของรักของเจริญใจ พลัดพรากจากคนที่เรารัก ไม่นับรวมถึงผลแห่งกรรมที่เราต้องประสบพบเจอในระหว่างที่เรามีชีวิต เจอคนดีกัลยาณมิตรก็แล้วไป มามีส่วนช่วยส่งเสริมสนับสนุนจุนเจือชีวิต แต่หากเจอบุคคลที่เขาคิดร้ายจองร้ายเป็นเจ้ากรรมนายเวร เขาก็มีแต่รังแกเอารัดเอาเปรียบ กระทบกระทั่งใส่ความหาเรื่อง สิ่งต่างๆเหล่านี้ เมื่อไรที่เราพิจารณาว่าทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นกรรม เป็นวิบากที่เราเคยทำมาในปางก่อน เราปล่อยวางได้ เราอโหสิกรรมได้  เราไม่ต่อความยาวสาวความยืด ไม่สืบผลกรรมให้ยาว ตัดด้วยการให้อภัยทาน อโหสิกรรม กรรมนั้นมันก็เจือจางบรรเทาลง 

ขึ้นชื่อว่าความทุกข์ ทุกข์ในสังสารวัฏนั้นเกิดขึ้นจากความแปรปรวนของภพชาติ การเกิดการจุติของเราในแต่ละภพมันไม่ได้เกิดมาดีเช่นนี้ในทุกชาติ คนส่วนใหญ่ที่เกิดมาในชาตินี้ พรั่งพร้อมในชาติตระกูลอันดี มีทรัพย์ มีสมบัติ มีเกียรติยศชื่อเสียง มีโชคลาภ มีคนสรรเสริญ หลากหลายคนก็มีความเพลิดเพลิน โมหะความหลงก็พาให้เราหลงใหลว่าชีวิตในชาติต่อๆไปมันจะดีเช่นนี้หรือดียิ่งกว่านี้ ทั้งๆที่อันที่จริงเรากินบุญเก่า ทุกคนล้วนแล้วแต่กินบุญเก่าทั้งสิ้น ถ้าเราเพลิดเพลินอยู่กับความสุขในโลกโดยลืมเลือนการทำบุญทำทานบำเพ็ญกุศลสร้างเสริมบารมีสะสมไว้ บุญนั้นก็อาจจะมีวันหมดลงได้ เมื่อไรก็ตามที่หมดบุญ หมดวาระแห่งกุศลที่มาส่งผลดลบันดาลให้เราเป็นสุข เมื่อนั้นกระแสกรรมฝ่ายอกุศลความทุกข์ก็กระหน่ำซ้ำเติมเข้ามาในชีวิต

ดังนั้นทุกดวงจิตล้วนประดุจล่องลอยอยู่ในทะเลแห่งวัฏสงสาร มีขึ้นลงตามคลื่นกระแสแห่งกรรมฝ่ายกุศลและอกุศล เมื่อเราพิจารณาได้ดังนี้แล้ว เราจึงเป็นผู้ที่ไม่ประมาทในการสร้างบุญสร้างกุศลทำทาน จำไว้ว่าทานทั้งหลายสำคัญที่อารมณ์ใจ อารมณ์จิตยิ่งบริสุทธิ์ เนื้อทานแม้จะเป็นจำนวนน้อย จิตยิ่งมีความบริสุทธิ์ มีความตั้งใจมั่นมากเท่าไหร่ ทานนั้นถูกถวายไปยังเนื้อนาบุญ ผลแห่งทานก็มีอานิสงส์มากกว่าบุคคลที่ถวายทานให้กับผู้ทุศีลบ้าง ถวายทานนอกเขตพระพุทธศาสนา 

ดังนั้นเมื่อเรามีปัญญาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาระนี้เป็นช่วงแห่งกาลกฐิน เราทำบุญจะมากจะน้อย เราตั้งจิตว่าเราทำสม่ำเสมอ จิตมีความตั้งมั่นในแรงอธิษฐานให้บุญทั้งหลายส่งผล ผลของทานนั้นก็สามารถกลายเป็นผลอานิสงส์ที่ใหญ่ได้ 

กำหนดใจของเรา ณ เวลานี้ ว่าทานทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุญกฐิน บุญมหาสังฆทาน บุญวิหารทาน บุญธรรมทานที่เราได้กระทำบำเพ็ญไว้ดีแล้ว ขอจงรวมตัวตอบสนองส่งผลให้ชีวิตของข้าพเจ้านับตั้งแต่บัดนี้มีความเจริญรุ่งเรืองในทั้งทางโลกและทางธรรม ขอบุญจงหนุนนำชีวิตของข้าพเจ้า อย่าได้ล่วงอย่าได้หล่นอย่าได้ตกหล่นสู่ความทุกข์ความยากความลำบากหรืออบาย บุญหนุนนำให้ชีวิตข้าพเจ้าลอยสูงขึ้นจนถึงพระนิพพานเป็นที่สุด 

กำหนดจิตของเราในขณะนี้ เห็นกายทิพย์ของเราเป็นกายที่ขาวสว่างใส ประนมมือ มีแสงสว่างของบุญกุศล  พุ่งรวมตัวลงจากทุกทิศทุกทาง จากทุกชาติทุกภพ  จากทุกสถานที่ จากทุกกาลเวลา จนกายทิพย์ของเราตอนนี้มีแสงสว่าง ทรงอารมณ์ใจว่ากายทิพย์ของข้าพเจ้าจิตของข้าพเจ้า กำลังรวมบุญรวมกุศล ทรงอารมณ์ ทรงสภาวะ กำหนดภาพจิตของเรากายทิพย์ของเราตอนนี้สว่างเจิดจ้า จิตเป็นสุขเอิบอิ่ม ยินดีในบุญ ยินดีในกุศลอย่างยิ่ง 

บุญคือความอิ่มใจ แสงสว่างแห่งรัศมีกายเกิดขึ้นจากความอิ่มใจ จากกระแสแห่งบุญกุศล

กายทิพย์ยิ่งสว่าง บุญบารมียิ่งปรากฏจากความสว่างของกายทิพย์

กำหนดจิตทรงฌานในจาคานุสติกรรมฐาน รวมกำลังบุญไว้ที่กายทิพย์ของเรา หลายคนเคยจดบันทึกว่าทำบุญอะไรมา  กำหนดใจว่าบุญทั้งหลายรวมตัวส่งผล

ในขณะที่ทรงอารมณ์ทรงสภาวะความเป็นกายทิพย์ หากมีนิมิตปรากฏเห็นภาพทานที่เคยทำเคยถวายไว้ ยิ่งดียิ่งเกิดผล หากบางคนเกิดนิมิตเห็นทานที่ถวายกลายเป็นทิพยะ คือเห็นเป็นของทิพย์ เป็นสวรรค์สมบัติเป็นพรหมสมบัติ ก็ยิ่งเป็นผลดีกับจิตของเรา  กำหนดทรงอารมณ์ทรงสภาวะไว้ ยิ่งเอิบอิ่ม ยิ่งผ่องใส ยิ่งยินดี ผลบุญยิ่งส่งผล

เมื่อทรงอารมณ์จนกายทิพย์อาทิสมานกายของเราสว่าง ความรู้สึกกายทิพย์รายล้อมด้วยแสงสว่างแห่งกุศล บางคนเห็นของทิพย์ทิพยะสมบัติอันเกิดขึ้นจากกุศลที่บำเพ็ญลอยรายรอบอยู่ จิตมีความอิ่มเอิบยินดี ก็ให้กำหนดจิตอธิษฐาน ขอให้ทุกชาติภพที่ข้าพเจ้าเคยหยาดน้ำกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลลงสู่แม่พระธรณี ขอแม่พระธรณีเมตตาเป็นพยาน ขอจงเมตตาปรากฏอยู่เบื้องหน้าข้าพเจ้าด้วยเถิด

กำหนดจิตน้อมกราบแม่พระธรณี อธิษฐานจิต ขอท่านเป็นพยานในการบุญกุศลทั้งหลายของข้าพเจ้าทุกชาติภพตราบท้าวเข้าถึงพระนิพพาน ขอให้กุศลทั้งหลาย แม่พระธรณียอยกดวงจิตของข้าพเจ้านี้ให้ลอยพ้นจากวิบากอุปสรรค พ้นจากอกุศล พ้นจากกรรมที่มาตัดรอนลิดรอนชีวิตข้าพเจ้า ขอให้บุญทั้งหลายเป็นประดุจวิมานแก้วที่นำพาชีวิตข้าพเจ้ายิ่งสูงขึ้นสู่เส้นทางแห่งมรรคผลพระนิพพาน เส้นทางแห่งกุศลธรรม มีความดีคอยหนุนนำชีวิตตราบเท่าเข้าถึงพระนิพพานด้วยเถิด อธิษฐานจิตขอให้ทุกคนพ้นจากวิบากหลุดจากวิบาก กรรมทั้งหลายขอจงพ้น 

เห็นกายทิพย์เราสว่าง ใจเราสว่าง จิตเราเบิกบานเป็นสุข จิตเรามีความผ่องใสสว่าง กำหนดจิตน้อมรำลึกนึกถึงพระพุทธองค์ กำหนดน้อมให้ปรากฏภาพพุทธนิมิตแห่งพระพุทธเจ้า พรั่งพร้อมด้วยพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ปรากฏอยู่เบื้องหน้า อธิษฐานจิตให้ปรากฏดอกบัวแก้วอันเกิดขึ้นจากกุศล ทาน ศีล ภาวนา กรรมฐาน รวมเป็นบุญ รวมเป็นปฏิบัติบูชา เป็นดอกบัวแก้วดอกใหญ่น้อมถวายพระพุทธองค์ เมื่อถวายแล้วก็น้อมจิตกราบด้วยความนอบน้อมด้วยความเคารพ ความเป็นทิพย์ของจิตปรากฏจากความผ่องใส จากอารมณ์ใจที่อิ่มในบุญในกุศล อธิษฐานจิตขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทรงสงเคราะห์ ขอยกจิตของข้าพเจ้าขึ้นไปบนพระนิพพานด้วยเถิด

กำหนดน้อมจิตเห็นกายทิพย์เราลอยขึ้นไปจนไปปรากฏขึ้นบนพระนิพพาน

กายทิพย์ปรากฏสภาวะเป็นกายแห่งพระวิสุทธิเทพ ปรากฏอยู่ในวิมานของตนบนพระนิพพาน

ทรงอารมณ์พระนิพพานโดยน้อมพิจารณาตัดร่างกายขันธ์ห้า กายแห่งความเป็นมนุษย์ พิจารณาตัดสังโยชน์ทั้งสิบประการอันได้แก่สักกายะทิฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ความพยาบาท กามฉันทะ รูปราคะ อรูปราคะ ถีนมิทธะ มานะและอวิชชาทั้งปวงออกไปจากใจ จิตตั้งมั่น พิจารณาว่าการตัดสังโยชน์สิบเป็นไปเพื่อให้จิตตัดภพจบชาติเครื่องร้อยรัดจิตที่ผูกไว้กับภพ อันได้แก่สุคติภูมิภพแห่งความเป็นมนุษย์ หรือแม้แต่อกุศลภพ เราตัดไปจากใจ  จิตมีความมุ่งมาดปรารถนาในพระนิพพานเพียงจุดเดียว สวรรค์บนชั้นดาวดึงส์หรือสวรรค์ในชั้นอากาศเทวดาชั้นอื่นก็ดี วิมานบนพรหมโลก เราก็ไม่ต้องการ การกลับมาเกิดเป็นมนุษย์เป็นมหาเศรษฐีเป็นกษัตริย์เราก็ไม่ต้องการ เราปรารถนาในความดับไม่เหลือเชื้อ ปรารถนาในพระนิพพาน บุคคลผู้มีปัญญามีดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งแทงตลอด เห็นทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ย่อมเห็นพระนิพพานสมบัติมีคุณค่ายิ่งกว่าสมบัติแห่งพระเจ้าจักรพรรดิราช หรือสมบัติแห่งการเป็นเทพพรหมทั้งปวง

กำหนดจิตของเรา พิจารณาโดยปัญญา ตัดอารมณ์ ตัดภพ ตัดความปรารถนาความอยาก ตัดอวิชชาให้สิ้น จิตตั้งมั่นว่าตายเมื่อไร เราขอเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน จิตผุดขึ้น ปรากฏสภาวะความเป็นกายพระวิสุทธิเทพหลังจากดับจิต ถอดจากกายเนื้อขึ้นมาปรากฏเป็นกายพระวิสุทธิเทพอยู่บนพระนิพพาน 

เมื่อเข้าถึงพระนิพพานแล้วเราก็ทรงอารมณ์พระนิพพาน คือเสวยวิมุตติสุขในอารมณ์แห่งพระนิพพาน สภาวะที่จิตพ้นจากแรงดึงดูดของสังสารวัฏของภพทั้งหลาย ภาระแรงกรรมแรงวิบาก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกุศลหรืออกุศลก็ไม่อาจส่งผลดึงดูดใจของเราให้หวนกลับไปอาลัย ให้หวนกลับไปจุติลงไปเกิดในภพใดภูมิใดอีกต่อไป เมื่อจิตสิ้นจากอาสวะกิเลส สิ้นจากความอาลัยในภพทั้งหลาย จิตมีพระนิพพานเป็นเอกบรมสุขอยู่เพียงจุดเดียว ภาระทั้งหลาย ความห่วงความอาลัยทั้งหลาย กรรมวิบากทั้งหลาย ภาระความหนักของใจทั้งหลาย ก็หมดสิ้นจากใจของเรา จิตมีความสุขมีความเบา ว่างจากกิเลสอย่างยิ่ง ทรงอารมณ์พระนิพพานไว้ 

กำหนดความรู้สึกในความเป็นกายพระวิสุทธิเทพนั่งอยู่ในวิมานของตนบนพระนิพพาน อารมณ์เสวยวิมุตติสุข

“นิพพานัง ปรมัง สุขัง” พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง กุศลทั้งหลายเป็นไปเพื่อพระนิพพานเพียงจุดเดียว กายพระวิสุทธิเทพสว่างเจิดจ้า สว่างขาวสะอาด จิตเบิกบานเป็นสุข ทรงอารมณ์ทรงสภาวะไว้ 

ความอาฆาตพยาบาทสลายไปจากจิตของเรา ความโลภความโกรธความหลงสลายออกไปจากจิตของเรา ความรักความอาลัยความผูกพันสัญญาทั้งหลายสลายไปจากใจของเรา อารมณ์จิตจบกิจแห่งภาระทั้งปวง

ชำระจิตของเราอยู่บนพระนิพพานไว้ ห่างจากสิ่งเร้า ห่างจากสิ่งกระตุ้น ห่างจากสิ่งกระทบใจ มีความสะอาดของจิต

จิตสบายปล่อยวาง

เมื่อจิตเราเข้าถึงความสงบ เข้าถึงอารมณ์แห่งพระนิพพาน เราก็กำหนดน้อมในฐานะที่เรายังมีขันธ์ห้าร่างกายมีชีวิตบนโลก น้อมกระแสจากพระนิพพาน รวมกระแสของทุกดวงจิต กระแสแห่งพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆพระองค์บนพระนิพพานมีสมเด็จปฐมทรงเป็นประธาน ขอจงมารวมตัวกันที่กายพระวิสุทธิเทพของเรา และน้อมเป็นแสงสว่าง กระแสแห่งพระนิพพานลงไปยังสังสารวัฏ 

น้อมกระแสแห่งความเมตตา กระแสแห่งบุญกุศล ความสุข ความเป็นทิพย์ ความสงบร่มเย็น กระแสแห่งมรรคผล กระแสแห่งเมตตา แผ่ลงไปยังภพของอรูปพรหมทั้งสี่ พรหมโลกทั้งสิบหกชั้น มีท่านท้าวสหัมบดีพรหมผู้เป็นใหญ่เป็นประธาน อากาศเทวดาสวรรค์ทั้งหกชั้นอันมีพระอินทร์องค์อัมรินทราธิราชเจ้า ท้าวมหาราชทั้งสี่ 

น้อมกระแสเมตตากระแสแห่งพระนิพพาน ลงไปยังภพของรุกขเทวดาทั้งหลาย ภูมิเทวดา พระภูมิเจ้าที่เจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย โลกมนุษย์ บรรดามนุษย์และบรรดาสัตว์ผู้มีร่างกายมีกายหยาบทั่วโลกทั่วอนันตะจักรวาล ทั่วทุกดวงดาว ทั่วทุกเอกภพ ดวงจิตดวงวิญญาณโอปปาติกะสัมภเวสีทั้งหลาย ขอจงรับส่วนบุญส่วนกุศลปรับภพภูมิ 

แผ่เมตตาต่อไปยังเปรตอสุรกายทั้งหลาย สัตว์นรกทั้งหลาย นรกภูมิขอท่านลุงพุฒพญายมราชนายนิรยบาลทั้งหลาย 

จากนั้นน้อมกระแสแห่งพระนิพพานลงมายังวัดทุกวัด สถานปฏิบัติธรรมทุกแห่งทั่วประเทศทุกวัดทั่วโลก รวมถึงน้อมกระแสแห่งมรรคผลพระนิพพานลงมายังจิตของผู้ที่ยังศรัทธาปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ทำทานบำเพ็ญทาน ผู้รักษาศีล จะข้อเดียวหรือศีลห้าศีลแปด รวมไปถึงนักบวชทั้งหลาย สมมุติสงฆ์ทั้งหลาย พระสุปฏิปันโนทั้งหลาย พระอริยะเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมกระแสอัญเชิญกระแสจากพระนิพพานลงมายังทุกๆท่านทุกรูปทุกนาม ขอกำลังแห่งพุทธานุภาพจงมาสถิตยังพระพุทธรูปทุกองค์ รูปเคารพทั้งหลาย วัตถุมงคลทั้งหลาย รูปลักษณ์แห่งพระโพธิสัตว์เจ้าทุกพระองค์ ขอมีกระแสแห่งพระโพธิสัตว์ กระแสแห่งเมตตาจงกลับมาปรากฏ ขอกระแสแห่งสัมมาทิฐิ จงลงมาปรากฏสถิตอยู่ในทุกรูปลักษณ์ ขอเกิดความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ มีเทวดาพรหมผู้เป็นสัมมาทิฐิคอยรักษารูปลักษณ์แห่งพระพุทธรูป รูปลักษณ์แห่งพระโพธิสัตว์ รูปมงคลทั้งหลาย ภาพ จารึก ภาพเทวดาพรหมทั้งหลายที่เขียนที่วาด ขอจงปรากฏกำลังแห่งเทพพรหมผู้เป็นสัมมาทิฐิ สถิต เกิดความศักดิ์สิทธิ์ เกิดความเข้มแข็ง เป็นบารมีที่คุ้มครองผู้ที่สักการะบูชากราบไหว้ รักษาเจริญศีล เจริญภาวนา เจริญพระกรรมฐาน โลกมนุษย์และโลกแห่งความเป็นทิพย์ ขอจงประสานเกื้อหนุนส่งเสริมซึ่งกันและกัน และขอให้ข้าพเจ้าทุกคนนับแต่นี้จงปรากฏแต่นิมิตอันเป็นมงคล ขอเทพพรหมเทวาผู้เป็นสัมมาทิฐิทั้งหลาย ผู้อุดมไปด้วยฤทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ เมตตาคุ้มครองรักษา นิมิตใดอันเป็นนิมิตอันน่าหวาดกลัวหวาดหวั่น เป็นนิมิตอันเป็นอสุภะ ขอจงอย่าได้ปรากฏต่อดวงจิตของข้าพเจ้า ขอจงมีแต่นิมิต  ญาณทิพย์จงปรากฏแต่สิ่งที่เป็นมงคล ปรากฏแต่สิ่งที่ยังกำลังใจ ยังศรัทธา ยังความแช่มชื่นแก่ดวงจิตของข้าพเจ้า ขอกำลังแห่งกุศล  กำลังแห่งพระกรรมฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังแห่งพุทธานุภาพ ขอจงเป็นเกราะแก้วคุ้มครองรักษากาย วาจา ใจ ข้าพเจ้า จากอวิชชา จากอกุศล จากมิจฉาทิฐิทั้งปวง นับตั้งแต่บัดนี้ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเถิด

กำหนดน้อมให้เห็นแสงสว่างลงมาที่กายเนื้อของเราบนโลกมนุษย์ กระแสแห่งพระนิพพาน กระแสแห่งบุญ ขอให้จิตความเป็นทิพย์จงเห็นเทวดาพรหมที่คอยคุ้มครองรักษา ในขณะที่เราเจริญพระกรรมฐาน ในขณะที่เราทำบุญทำทานสร้างกุศล น้อมจิตขอบุญทั้งหลายจงถึงทุกท่านสำเร็จกับทุกท่านผู้เมตตาปกปักรักษาคุ้มครองเป็นผู้มีพระคุณของข้าพเจ้า ขอจงมีส่วนร่วมในบุญในกุศลทุกประการ 

จากนั้นกำหนดอาทิสมานกายบนพระนิพพาน น้อมจิตกราบลาสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุกๆพระองค์บนพระนิพพาน ตั้งจิตตั้งใจว่านับแต่นี้ ข้าพเจ้าจะใช้กำลังใจขึ้นมากราบขึ้นมาปฏิบัติอยู่บนพระนิพพานให้เป็นปกติ สวดมนต์ก็ตั้งจิตสวดอยู่บนพระนิพพาน กำลังความบริสุทธิ์ของจิต กำลังอารมณ์แห่งพระนิพพานย่อมส่งผล อานิสงส์แห่งการสวดย่อมเต็มกำลัง ทำทานทั้งหลายกายเนื้อถวายบนโลกมนุษย์กายทิพย์ถวายสมเด็จองค์ปฐมท่ามกลางมหาสมาคมบนพระนิพพาน ทานย่อมเกิดผลอานิสงส์เต็ม 

เมื่อกราบลาแล้วก็น้อมจิตพุ่งกลับลงมายังโลกมนุษย์ พร้อมกับน้อมแสงสว่าง กระแสแห่งพระนิพพานบุญกุศล สายทรัพย์สายสมบัติให้ติดตามมาส่งผลในชีวิตชาติปัจจุบันของเรา เห็นสายสมบัติพรั่งพรูโปรยปรายลงมารอบกายเนื้อของเรา ขอจงปรากฏกลายเป็นมนุษย์สมบัติอันจับต้องได้ ใช้สร้างใช้บำเพ็ญบารมี ใช้สร้างกุศล ใช้ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้น ทั้งต่อตน ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 

ทรงอารมณ์จิตอันผ่องใสสว่าง น้อมกระแสแห่งพระนิพพานเป็นแสงสว่างชำระล้างฟอกกายเนื้อธาตุขันธ์ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ปรากฏกลายเป็นแสงสว่างเป็นแก้ว โครงกระดูกเส้นเอ็น กล้ามเนื้อทุกส่วนสว่างใสเป็นแก้ว อาการสามสิบสอง ตับ ไต ไส้ พุง เซลล์ทุกเซลล์ สะอาดสว่างใสเป็นแก้ว โรคภัยไข้เจ็บ วิบากอวิชชาทั้งหลายสลายล้างขับออกไปจากขันธ์ห้า จิตข้าพเจ้าบริสุทธิ์ ขันธ์ห้าของข้าพเจ้าสะอาดบริสุทธิ์

เห็นกายเนื้อใส มองทะลุเห็นอวัยวะทุกส่วน กายทิพย์ปรากฏทับซ้อนกับกายเนื้อที่ใสสว่าง ทรงอารมณ์ไว้ สภาวะรายรอบกายเนื้อปรากฏความเป็นทิพย์ ขอกรรมฐานจงเป็นกำลังต่อชีวิต เกิดความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ นึกคิดสิ่งใดขอจงสมความปรารถนา บุญจงส่งผลทันใจ บุญใหญ่ส่งผลก่อน บุญทั้งหลายจงรวมตัวรายรอบทั้งกายเนื้อกายทิพย์ของข้าพเจ้า 

จากนั้นค่อยๆหายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ ละเอียด ช้า ลึก ยาว หายใจเข้าพุทธ ออกโธ 

หายใจเข้า ช้า ลึก ยาว ครั้งที่ 2 ธัมโม        หายใจเข้า ช้า ลึกยาวครั้งที่ 3 สังโฆ

จากนั้นกำหนดเห็นจิตเราปรากฏ กลายเป็นดอกบัวบาน เบิกบานเป็นสุข ใจยิ้ม กายยิ้ม จิตยิ้ม รอบกายรายรอบเราสว่างพร่างพราย ถอนจิตค่อยๆลืมตาขึ้น ถอนจากสมาธิ ใจมีความเบิกบานผ่องใส 

จากนั้นกำหนด น้อมจิตโมทนาสาธุกับกัลยาณมิตรที่ปฏิบัติธรรมร่วมกันและมาฟังมาปฏิบัติภายหลังทุกคน ขอบุญจงส่งผลถึงทุกคนทุกประการ ต่างโมทนาสาธุในบุญซึ่งกันและกันทั้งหลายทั้งทาน ศีล ภาวนา ท่านใดไปถวายกฐินไปทำบุญที่ไหนเราก็ขอโมทนาด้วยมีส่วนร่วมด้วย บุญกุศลที่เราไปทำที่ไหนบำเพ็ญไว้ที่ใดก็ขอให้ท่านทั้งหลายมีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน 

สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคนด้วย สำหรับสัปดาห์หน้าอาจารย์ก็จะเดินทางไปบวงสรวงอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากสะดือทะเลที่วัดเขากรวด ท่านใดสนใจไปร่วมก็ยังพอมีที่นั่งอยู่ แล้วก็สามารถโดยร่วมบุญและอธิษฐานจิตร่วมกันได้พระอุปคุตท่านจะได้เมตตาสงเคราะห์คุ้มครองเป็นพิเศษ แล้วก็อย่าลืมที่จะเขียนแผ่นทองอธิษฐานพระนิพพานไว้เสมอ ให้จิตเราได้อธิษฐานมีความมั่นคง การปฏิบัติอยากให้เราพยายามฝึกฝนพยายามปฏิบัติ ไม่ว่าอาจารย์จะสอนในวันอาทิตย์ หรือในวันธรรมดาที่อาจารย์ไม่ได้สอน เราก็พยายามหมั่นทบทวน พยายามตั้งกำลังใจที่เราจะยกจิตขึ้นไปบนพระนิพพาน ไปพิจารณาธรรม ไปเจริญวิปัสสนาญาณ ไปพิจารณาข้อธรรมของเรา พยายามทำให้ได้ทั้งสมถะ ทั้งวิปัสสนา ทั้งกายทิพย์ กำลังมโนมยิทธิ ปฏิบัติโดยที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตในแต่ละวันของเรา ทำจนกระทั่งเป็นปกติ ทำจนกระทั่งเราปฏิบัติโดยไม่มีข้ออ้างข้อแม้ในการปฏิบัติว่าจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องเวลานั้นเวลานี้ สามารถปฏิบัติได้ในทุกลมหายใจ ในทุกอิริยาบถ ในทุกเหตุการณ์ เมื่อปฏิบัติได้ถึงจุดนั้นเมื่อไร กรรมฐาน สติ สมาธิ ปัญญา เราก็จะสามารถใช้ได้ในทุกเวลาเช่นกัน 

สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคนอีกครั้งขอให้มีความสุขความเจริญรุ่งเรืองในธรรม

สำหรับวันนี้สวัสดี

เรียบเรียงและถอดความโดย คุณ Be Vilawan

You cannot copy content of this page